วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

ข้อมูลสกิล T-4 (Transformation 4)


   สวัสดีค่ะ ในวันที่ 5 กันยายนที่จะถึงนี้ ทาง Dragon Nest เซิร์ฟเวอร์ไทย ก็จะมีการเปลียนระบบสกิลแบบใหม่ โดยจะไปใช้รูปแบบสกิล T-4 Hybrid แบบเดียวกับ เซิร์ฟเวอร์ SEAซึ่งยังมีหลายๆ คนงงกันอยู่ว่าอะไรคือ T-4 เกิดมาเพิ่งเคยได้ยิน วันนี้บีจะพาไปรู้จักเจ้า T-4 รวมถึงแนวทางการอัพสกิลกันครับ
อะไรคือ T-4
     คิดว่าหลายๆ คนคงสงสัยว่ามันคืออะไร มันคือคำย่อมาจาก Transformation 4 ซึ่งได้เกิดขึ้นจากเหล่าผู้เล่นในเซิร์ฟเกาหลีในช่วงแพตช์เลเวล 50 ซึ่งได้ว่าเป็นช่วงของการปรับสกิลครั้งใหญ่ตั้งแต่เปิดเกมมา และได้มีการปรับให้สกิลอ่อนๆ ดีขึ้น ลดความแรงสกิลลง รวมทั้งปรับสมดุลย์สกิลเพิ่มขึ้น จนกระทั่ง จวบจนมาถึงปัจจุบัน ก็ได้มีการปรับสกิลเป็นครั้งที่ 3 ในผังสกิลแบบ T-4 และเรียกว่า T4-3 โดย T4-3 นั้นเป็นต้นแบบของระบบ T-4 Hybrid ที่ได้นำมาปรับปรุงใช้ในเซิร์ฟไทยและเซิร์ฟ SEA ก่อน และจะการขยายใช้ไปยังเซิร์ฟอื่นๆ ครับ
ปรับจำนวน Total SP น้อยลง
     โดยที่การเปลี่ยนแปลงสกิลเป็นแบบ T-4 นั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่จำนวนค่า SP สูงสุด จากรูปแบบเก่าในปัจจุบัน (ระบบ T-3) ซึ่งมีการใช้งานรูปแบบสกิลนี้มาตั้่งแต่ เปิด Open Beta ที่จะมีแต้มสกิลสูงสุดเมื่อเลเวล 40 เท่ากับ 400 แต้ม และแบ่งออกเป็นอัพแต้ม SP ได้สูงสุด คลาสละ 250 แต้ม ทั้ง คลาส 1 และ คลาส 2
     แต่รูปแบบใหม่ที่มาพร้อมกับ T-4 นั้น ได้มีการปรับค่า Total SP ทั้งหมด เหลือเพียงแค่ 117 แต้ม และแบ่งออกเป็นอัพแต้ม SP ได้สูงสุด คลาสละ 73 แต้ม ทั้ง คลาส 1 และ คลาส 2 แทนครับ
ไม่ต้องอัพสกิลทางผ่านกันอีกต่อไป
     นอกจากนี้แล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในการอัพสกิลใหม่แบบยกเครื่อง เนื่องจากในระบบสกิล T-3 บางสกิล โดยเฉพาะสกิลใน คลาส 2 นั้น จะมีเงื่อนไขที่ผู้เล่นจะต้องอัพเลเวลสกิลตามเงื่อนไข (สกิลทางผ่าน) ให้ครบเสียก่อน จึงจะลงสกิลใหม่เพิ่มเติมได้
     แต่สำหรับ T-4 แล้ว ระบบได้เปลี่ยนให้ผู้เล่นต้องใช้ SP ในอาชีพคลาส 1 ให้ถึง 40 แต้ม จึงจะอัพสกิลเลเวล 32 ในคลาส 2 ได้ และจะต้องใช้ SP ในอาชีพคลาส 1 ให้ถึง 45 แต้ม จึงจะสามารถอัพสกิลเลเวล 40 (Ultimate Skill) ได้ครับ
จำนวนแต้มที่ใช้อัพเลเวลของสกิลมีการเปลี่ยนแปลง
     จากระบบ T-3 สมัยก่อนที่ใช้แต้มมหาศาลในการอัพสกิลแต่ละเลเวล มาใน T-4 เองก็ได้ปรับระบบใหม่ให้แต่ละสกิลนั้นๆ ใช้แต้ม SP ในการอัพเลเวลสกิลน้อยลง โดยจะใช้ 3 แต้ม ในการอัพสกิลครั้งแรก จากเลเวล 0 ->1 และหลังจากเลเวล 1 ขึ้นไป จะใช้ครั้งละ 1 แต้มในการอัพเลเวลสกิล
ความแรงของสกิลเปลี่ยนไป 
     นอกจากนี้แล้ว ยังได้เพิ่มขีดความมันส์ขึ้นไปอีก โดยได้มีการปรับเปลี่ยนความแรงของสกิลบางสกิลให้แรงขึ้น รวมทั้งปรับสมดุลย์ความแรงของสกิล ระยะเวลาการใช้งานของสกิล ให้สั้นลง ใน PvP รวมทั้งได้ปรับแต่งสกิลแต่ละสายอาชีพ (รายละเอียดจะตามมาอีกในฟีเจอร์ถัดไปทั้งหมดค่ะ ว่าแต่ละสกิลปรับอะไรบ้าง มากน้อยแค่ไหนครับ)

อัพสกิลอัลติเมตได้ 2 สาย
     เนื่องจากในระบบ T-3 หากจะใช้ Dual Ultimate Skill หรือสกิลอัลติเมต 2 สายนั้น จะต้องหลังแพตช์เลเวล 50 และตัวละครจะต้องมีเลเวล 45 ขึ้นไป แต่สำหรับ T-4 นี้แล้ว เพื่อนๆ สามารถที่จะอัพ 2 สายได้ตั้งแต่เลเวล 40 แต่สกิลอัลติเมตนั้น จะยังคงแชร์ระยะเวลาคูลดาวน์ของสกิลร่วมกัน เช่นใช้สกิลอัลติ 1 ไปแล้ว ก็จะยังไม่สามารถใช้สกิลอัลติ 2 ต่อได้ทันที จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อคูลดาวน์ของสกิลอัลติ 1 หมด

มีการรีสกิลใหม่ทั้งหมด
     ทั้งนี้ T-4 เปลี่ยนหมดทั้งแต้มสกิลและตัวผังสกิลเอง ทางระบบจะทำการรีเซทสกิลให้หมดเพื่อที่จะได้อัพสกิลแบบใหม่ได้ครับ
แนวทางในการอัพสกิล คลาส 1 ของทุกอาชีพ
     เนื่องจากรอบนี้เหมือนเป็นไฟลท์บังคับที่เราต้องอัพสกิล คลาส 1 และใช้แต้มให้ถึง 45 แต้มให้ได้ ดังนั้น บีจึงได้รวบรวมแนวทางอัพสกิล ซึ่งเป็นสายกลางๆ จะ PvE / PvP ก็ได้ ซึ่งไม่จำเป็นว่าเพื่อนๆ จะต้องยึดอัพแนวๆ นี้ เพื่อนๆอาจจะนำบิลด์เหล่านี้ไปดัดแปลงเลือกใช้สกิลที่ต้องการกันค่ะ ดังนั้น หากใครนิยมแต่ PvE ก็สามารถตัดสกิลที่ใช้ PvP ออกได้ครับ
Sword Master
สายอาชีพคลาส 3 Gladiator :
     เน้นสกิล Rising Slash โดยในเลเวลแคป 40 สามารถอัพได้สูงสุดที่เลเวล 13 ส่วนสกิล ส่วนสกิล Impact Punch และ Heavy Slash นั้นอัพมาเพิ่มเพื่อให้แต้มชน 45 แต้ม และ สกิลที่เหลือก็คือสกิลพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องอัพอยู่แล้วครับ
สายอาชีพคลาส 3 Moonlord : 
     เน้นสกิล Impact Wave โดยอัพสุดที่เลเวล 14 เสียก่อน (MAX ในแคปเลเวล 40) สำหรับสาย Pure Magic ถ้าไม่เน้นสายนี้ก็อัพแค่เลเวล 6 เนื่องจากเลเวล 6 จะเพิ่มระยะของสกิลจาก 4 เมตร (เลเวล 5) เป็น 7 เมตร ส่วน Rising Slash นั้น แนะนำให้อัพที่เลเวล 6 และ สกิลที่เหลือก็คือสกิลพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องอัพอยู่แล้วครับ

Mercenary
สายอาชีพคลาส 3 Destroyer และ Barbarian :
     สำหรับ 2 สายอาชีพนี้ อัพสกิลอาชีพคลาส 1 เหมือนกันทั้ง 2 สาย โดยเน้น สกิล Rising Slash โดยในเลเวลแคป 40 สามารถอัพได้สูงสุดที่เลเวล 13 เช่นกัน ส่วนสกิล Impact Punch และ Heavy Slash นั้นอัพมาเพิ่มเพื่อให้แต้มชน 45 แต้ม และไว้ใช้งานใน PvP ได้ ส่วนสกิลเตะทั้งหลายที่เป็น Passive ให้อัพไว้ทุกสกิลแต่อัพเพียงแค่เลเวล 1 ก็เพียงพอ และ สกิลที่เหลือก็คือสกิลพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องอัพอยู่แล้ว

Elemental Lord
สายอาชีพคลาส 3 Saleana และ Elestra : 
     เป็นอีกหนึ่งสายอาชีพที่อัพสกิลอาชีพคลาส 1 เหมือนกันทั้ง 2 สาย เช่นกัน โดยจะเน้นอัพสกิล Glacial Spike จนถึงเลเวล 14 (MAX ในแคปเลเวล 40) เป็นสกิลที่สามารถทำให้ศัตรูมีโอกาสติดสถานะแช่แข็งได้ และยังมีคูลดาวน์ที่สั้นมาก เมื่อเทียบกับประโยชน์ที่สามารถช่วยถ่วงเวลาที่จะโดนดาเมจได้ นอกจากนี้แล้ว สกิล Poison Spray ตั้งแต่เลเวล 6 ขึ้นไปจะสามารถสร้างบ่อพิษได้ 3 บ่อ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการหลกหลีกและคอยตอดเลือด ทั้งกับมอนสเตอร์และ PvP รวมทั้งยังมีสกิล Shock Wave ที่สามารถทะลุ Super Armor ได้อีกด้วย และ สกิลที่เหลือก็คือสกิลพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องอัพ

Force User
สายอาชีพคลาส 3 Majesty :
     เป็นสายที่ต้องมีสกิล Glacial Spike อัพไว้จนถึงเลเวล 11 เพื่อที่จะไว้ใช้สร้างสถานการณ์ ทำให้ศัตรูมีโอกาสติดสถานะแช่แข็งได้ และยังมีคูลดาวน์ที่สั้นทำให้ใช้ได้เรื่อยๆ และ สกิล Poison Spray ซึ่งเป็นสกิลประจำสายนี้ ควรจะอัพขั้นต่ำที่เลเวล 8 และอาจจะเพิ่มเลเวลมากกว่านี้โดยไปลดแต้มออกจาก Glacial Spike แทน และอัพสกิล Void blast ซึ่งเป็นหนึ่งในสกิลที่ใช้งานได้ดีใน PvP และอาจจะลดแต้มออกจาก Glacial Spike เพื่อไปอัพสกิล Shock Wave ที่สามารถทะลุ Super Armor ไว้สักเลเวล 1 ครับ ส่วนสกิลที่เหลือก็คือสกิลพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องอัพตามระเบียบ

สายอาชีพคลาส 3 Smasher :
     ด้วยความที่สายอาชีพนี้จะเน้นสกิลที่ใช้ Magic Attack เท่านั้น ดังนั้น เพื่อนๆ ไม่ต้องไปสนใจสกิล Poison Spray ค่ะ และที่เหลือเอาแต้มไปลงสกิล Shock Wave ที่สามารถทะลุ Super Armor และ Void blast ซึ่งเป็นหนึ่งในสกิลที่ใช้งานได้ดีใน PvP ไว้สักเลเวล 5 เพื่อเป็นหนึ่งในสกิลทางเลือกเวลา PvP ส่วนสกิลที่เหลือก็คือสกิลพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องอัพครับ

Bow Master
สายอาชีพคลาส 3 Sniper :
     เป็นอีกสายที่ควรจะอัพ Twin Shot ไว้สูงๆ ในที่นี้ได้อัพจนชนเลเวล 14 (สูงสุดในแคป 40) เนื่องจากเป็นสกิลที่มีคูลดาวน์สั้น และ ระยะสกิลที่ไกลพอสมควร และสกิล Piercing Shot ไว้สักเลเวล 6 เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งสกิลที่ระยะไกลไม่มีผลต่อความแรงของสกิล ในทางกลับกันสกิล Multi Shot ที่เป็นสกิลสายกายภาพ นั้นไม่จำเป็นต่อธนูสายเวทย์แน่นอนและต่อให้อัพเลเวลสูงๆ ก็ไม่ค่อยแตกต่างเท่าไรครับ เพิ่มสกิล Owl’s Insight ไว้สักเลเวล 1 เพื่อเพิ่มค่าคริติคอลเมื่อใช้สกิลที่มีดาเมจสูงๆ และปิดท้ายด้วยสกิล Magic Arrow เลเวล 3 เพื่อไว้ใช้ป่วนในการ PvP ทำให้เป้าหมายที่โดนหยุดชั่วขณะหนึ่งครับ ส่วนสกิลที่เหลือก็คือสกิลพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องอัพจ้า

สายอาชีพคลาส 3 Artillery :
     ถึงแม้ว่าจะเป็นสายเวทย์โดยตรง แต่เราก็ยังคงอัพสกิล Twin Shot ไว้สูงๆ เช่นกัน เนื่องจากสกิลนี้คูลดาวน์ไว และมีระยะยิงที่ไกลกำลังดี ส่วนปัญหาที่เป็นสกิลสายกายภาพนั้นหายห่วงได้ด้วยสกิล Magical Breeze ที่จะเปลี่ยนสกิลกายภาพ กลายเป็นโจมตีทางเวทย์แทน นอกจากนี้แล้ว ก็เรียนสกิลเพิ่มเติมไว้สักหน่อย นั่นก็คือสกิล Multi Shot ไว้คอยช่วยในระยะประชิดตัว เนื่องจากสกิลสายนี้ เน้นง้างนานจริงๆ ครับ และนอกจากนี้แล้วสกิล Magic Arrow ก็ควรจะอัพไว้หน่อยสักเลเวล 3 เพื่อที่จะได้ใช้ป่วนใน PvP ได้ครับ ส่วนสกิลที่เหลือก็คือสกิลพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องอัพอีกเช่นเคย

Acrobat
สายอาชีพคลาส 3 Tempest :
     เป็นสายที่จะต้องอัพสกิล Multi Shot ไว้เป็นอีกสกิลหากินสกิลหนึ่ง ยามรอสกิลอื่นๆ หมดช่วงคูลดาวน์ ให้เพื่อนๆ อัพไว้จนชนเลเวล 13 เลยครับ (สูงสุดในแคป 40) และสกิล Piercing Shot ไว้สักเลเวล 6 เพื่อที่จะไว้คอยใช้สลับสกิลใช้งาน และพ่วงด้วยสกิล Magic Arrow อีกเช่นเคยก็ควรจะอัพไว้สักเลเวล 3 เพื่อที่จะได้ใช้ป่วนใน PvP ได้อีก ส่วนสกิลที่เหลือก็คือสกิลพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องอัพอีกเช่นกัน

สายอาชีพคลาส 3 Windwalker :
     จะต่างกับ Tempest ที่มีระยะยิงอยู่ในระดับประชิด แต่สำหรับ Windwalker จะมีระยะที่ค่อนข้างไกลตัวระดับกลาง เลยจะใช้สกิล Twin Shot ที่มีคูลดาวน์ไว และระยะโจมตีค่อนข้างไกลพอสมควร และเป็น DPS ที่ดี ส่วนสกิลอื่นๆ ก็อัพลงแบบเดียวกับ Tempest ครับ

Paladin 
สายอาชีพคลาส 3 Guardian :
     สกิลที่ยกมานี่เป็นสกิลแบบ Full Tank โดยจะอัพสกิล Block ไว้ที่เลเวล 7 (สูงสุดของแคป 40) และ Healing Aura ไว้คอยฮีล (ทั้งตัวเองและเพื่อนๆ ) โดยจะอัพไว้ที่เลเวล 6 สูงสุดเช่นกัน นอกจากนี้แล้ว Divine Combo และ Sliding Knee Kick ไว้เลเวล 3 เพื่อใช้ในการ PvP รวมทั้งสกิล Paralyze Bolt ไว้เลเวล 3 เพื่อที่จะทำให้เป้าหมายติดสถานะ Paralyze ชั่วขณะ และสกิล Toughness เพื่อลดดาเมจ นอกเหนือจากนี้ ก็ลงสกิลพื้นฐานๆ ที่จำเป็นต้องอัพครับ

สายอาชีพคลาส 3 Crusader :
     สำหรับสายนี้ บียกสาย Sub-Tank มาครับ บู๊ก็ได้ แท๊งค์ก็ได้ระดับหนึ่ง ให้อัพสกิล Charged Bolt จนสุดเลเวล 13 (สูงสุดของแคป 40) เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งสกิลที่ใช้งานได้ดียามโดนมอนสเตอร์รุมเร้า และเป็นหนึ่งในสกิล DPS ของสายนี้ ส่วน Block อัพไว้ที่ขั้นต่ำเลเวล 4 และ Healing Aura ไว้คอยฮีล (ทั้งตัวเองและเพื่อนๆ ) เลเวล 6 ซึ่งฮีลได้ถึง 10% หากต้องการเป็น Main Tank ก็แบ่งแต้มไว้ลง Toughness ด้วยครับ ส่วนสกิลที่เหลือก็ สกิลพื้นฐานๆ ที่จำเป็นต้องอัพตามระเบียบ

Priest 
สายอาชีพคลาส 3 Saint :
     ต่อให้เป็นสายบัพเราก็ยังคงอัพสกิล Blockกันต่อไป เนื่องจากสามารถลดทอนการโจมตีได้ถึง 5 ครั้ง และต้องลงสกิล Toughness เพื่อที่จะได้ลดดาเมจที่จะได้รับ และจะได้ไม่ตายก่อนช่วยเหลือชาวบ้านค่ะ -0-' ส่วนสกิล Healing Aura เราก็อัพให้สุดที่เลเวล 6 เช่นกัน และยังอัพสกิล Paralyze Bolt และ Charged Bolt ไว้เลเวล 3 เพื่อที่จะใช้ช่วยในยามจำเป็น และ สกิลที่เหลือก็ สกิลพื้นฐานๆ ที่จำเป็นต้องอัพอีกเช่นเคย

สายอาชีพคลาส 3 Inquisitor :
     สายอาชีพสุดท้ายแล้ว สำหรับสายนี้เราจะไม่อัพบล๊อกกันครับ เนื่องจากจะเอาแต้มไปลงสกิลที่ทำดาเมจแทน โดนจะเน้นไปที่สกิล Charged Bolt โดยอัพให้ถึงเลเวล 11 และสกิล Paralyze Bolt ไว้ที่เลเวล 3 และ สกิล Healing Aura เราก็อัพให้สุดที่เลเวล 6 เช่นเคย ต่อด้วยลงสกิล Sliding Knee Kick ไว้เลเวล 3 ใช้ใน PvP เพิ่มเติม นอกจากนี้จะต้องอัพสกิลพื้นฐานที่เหลือตามเดิมครับ

      จะสังเกตได้ว่า สกิลที่ต้องใช้งานแบบประจำนั้นจะมีการลงแต้มตั้งแต่ 5 ขึ้นไป จนถึงเลเวล MAX ของสกิล ซึ่งสกิลใน T-4 นี้จะต้องมีเลเวล 5 ขึ้นไปจึงจะแรง และยิ่งเลเวลสูงจะแรงมากๆ ครับ
     ปิดท้ายด้วย Skill Simulator สำหรับคำนวณสกิล คลาส 2 ซึ่งความแรงของสกิลใน Simulator นี้จะยังไม่ใช่อัพเดตตัวใหม่ครับ (เป็น T4-2) แต่ของบ้านเราจะใช้ T4-3 ซึ่งเป็นสกิลแบบใหม่ล่าสุดเหมือนเซิร์ฟเกาหลีครับ
http://dn.duowan.com/t4/
โดยเมื่อกดลิงค์ไปแล้ว "ห้ามให้ Google Chrome แปลภาษาเด็ดขาด ไม่งั้นลงพอยท์ไม่ได้"
ช่องที่ 1 (Warrior):
1. Sword Master - Gladiator
2. Sword Master - Moonlord
3. Mercenary - Barbarian
4. Mercenary - Destroyer
ช่องที่ 2 (Sorceress):
1. Elemental Lord - Saleana
2. Elemental Lord - Elestra
3. Force User - Smasher
4. Force User - Majesty
ช่องที่ 3 (Archer):
1. Bow Master - Sniper
2. Bow Master - Artillery
3. Acrobat - Tempest
4. Acrobat - Windwalker
ช่องที่ 4 (Cleric):
1. Paladin - Guardian
2. Paladin - Crusader
3. Priest - Saint
4. Priest - Inquisitor
ส่วนช่องที่ 5 / 6 เป็นของ Academic และ กาลีที่ยังไม่เข้าไทยครับ

วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ข้อมูล Ladder

1. สิ่งที่มีผลและไม่มีผลใน Ladder

Stats
-ส่วนที่มีผล
1) Int: เพิ่ม MP, M.def
2) Str: เพิ่ม Paralyze และ Stun
3) Agi: เพิ่ม Critical และ Critical resist
4) Vit: เพิ่ม HP และ Defense

-ส่วนที่ไม่มีผล
Stat จะไม่ส่งผลต่อ atk ใน Ladder ครับ ยกตัวอย่างเช่น ตัวละครที่มี Str 700 ก็จะมี atk เท่ากับตัวละครที่มี Str 300 กรณีเดียวกัน Int กับ Agi ก็จะไม่ส่งผลต่อ M.atk, P.atk ตามลำดับ

Skill Seal
มีผลเต็มที่ทั้ง damage และ cooldown

Level ของสกิล
มีผลเต็มที่ครับ ทั้ง damage ที่ได้จากสกิล และ effect พิเศษในบางสกิล เช่น inferno lv.7 เพิ่มระยะ, black hole lv.4 เพิ่มขนาด

ค่าตีบวกของเกราะ และ suffix ของเกราะ
มีผลครับ ยิ่งตีบวกเยอะเลือดก็ยิ่งเยอะ

ค่าตีบวกของอาวุธ
ไม่มีผลครับ และ lv ของอาวุธก็ไม่มีผลด้วย นั่นหมายความว่าอาวุธเวล 24 ก็ตีแรงเท่าอาวุธเวล 40 ครับใน Ladder (ผมไปทดสอบมาแล้วโดยใช้อาวุธเวล 10 จากร้านแบลคสมิธไม่ตีบวก ลองใช้ Glavity Blast เทียบกับอาวุธปกติที่ใช้อยู่ แรงเท่ากันจริงครับ)

Suffix ของอาวุธ (คราฟ)
มีผลครับ

Critical
มีผลครับ แต่ถูกปรับลดอย่างมาก ติดคริยากครับถ้าค่าคริไม่สูงจริง

Final Damage
มีผล แต่ถูกปรับลดอย่างมาก เพิ่ม damage เล็กน้อยเท่านั้นครับ ไม่เหมือน pvp แบบไม่แก้ไข(เปิดของ) ที่ส่งผลเต็มๆ(อันนี้ผมไม่แน่ใจใครรู้บอกทีครับ)

Elemental Damage/Resist ยกตัวอย่าง พวกออฟ +fire atk 8%, light def x%
มีผลครับ เป็นหนึ่งในวิธีเพิ่ม damage ใน ladder ที่ได้ผลดีมากเนื่องจาก Critical และ Final Damage ส่งผลไม่มาก

Def, M.def
มีผลครับ

2. Equipment ที่แนะนำ

Armor: 4 ชิ้น คราฟ HP(Life) + 1 ชิ้นแล้วแต่ชอบ ส่วนนี้ยังไม่มีในแพทซ์เวล 24

สำหรับอาวุธขึ้นอยู่กับความชอบครับ แต่ที่นิยมเช่น
- Knight สโลว์
- Redemption หยุดศัตรู
- Wise ลด Elemental resist
- Fatal ถ้าติดจะทำดาเมจสองครั้งจากการโจมตีนั้น (ไม่แนะนำกับสกิลที่โจมตีหลาย hit แต่เบา เช่น Poison Missile)

3rd stat seal แนะนำ Vit ครับ หรือ Paralyze, Para resist ก็ดี หรือตามที่ชอบก็ได้ครับ

ที่เหลือผมไม่แปลนะครับเพราะบางส่วนก็ยังไม่มีในแพทซ์เวล 24
ถ้าผิดพลาดหรือตกหล่นตรงไหนต้องขออภัยด้วยครับ ใครที่สังเกตุเห็นตรงไหนควรเพิ่มเติมแล้วอยากช่วยก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ 



วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ฉายาใหม่


Title Collection page 6 - One-Man Army Sergeant
Str+25 / AGI+25 / INT+23 / VIT+20 / AtkP+40~40 / MagP+40~40 / FinalDmg+5


     มาแล้วจ้า กับฉายาหน้าที่ 6 คราวนี้มาพร้อมกับแพท Guild War ที่ sv.SEA เรานี่นะจ๊ะ เป็นฉายาที่ "แรงที่สุด" ในแพทใหม่นี้จ้า (แรงกว่า Speed Terminator) แค่เห็นเงื่อนไขตอนแรกแล้วก็แอบท้อ เหมือนกันนะ Y_Y แต่เรามีเคล็ดลับ บทสรุปง่ายๆ มาฝากเพื่อนๆ กันจ่ะ แนะนำว่าใครยังไม่เวลตันที่ 40 ให้รีบทำเลยน้าาาา เพราะว่ามันใช้ค่า FTG อยู่เยอะทีเดียวจ้า [อาจจะเก็บไว้ทำก่อนที่จะรี FTG รายสัปดาห์ ก่อนวันเสาร์ 8.00 am GMT+7]

     เกริ่นอีกนิด ฉายานี้เป็นฉายาที่จะต้อง "SOLO" ลงดันคนเดียวทั้งหมด ทั้งในโหมด Master และ Abyss และจะได้ครบจะต้องมีเลเวลขั้นต่ำ เวล 39 จ้า ยังไงก็ค่อยๆ เก็บไปเน้อ มาดูหนทางที่จะไม่อ้อมโลก กันจ้า

เตรียมตัวก่อนนะ
     คล้ายฉายาหน้า 5 หรือก่อนหน้านี้หลายๆ ฉายาเลย ที่เราจะต้องทำเควส Abyss กับเหล่า Heraldry Scholar ทั้งที่เมือง Calderock Village และ Saint Heaven ทำแล้วส่งเควสให้เรียบร้อยก่อนนะจ๊ะ
     - Heraldry Scholar Bailey @Calderock Village เคลียรเควส "Lv.23 Into The Abyss I"
     - Heraldry Scholar Stas @Saint Heaven เคลียรเควส "Lv.31 Birth of Abyss I" และ "Lv.39 Spread of Abyss I"

     1. [Insane] เคลียร์ดัน Forest of Death [Abyss] คนเดียวจ้า ดันซอมบี้หลังค่อม ออกจากเมือง Calderock ประตูบน แล้วออกทิศเหนืออีกที ดันขวามือจ้า ดันเดียวกับ Death Basin

     2. [Mantikoreo Conqueror] เคลียร์ดัน Prayer's Retreat [Abyss] คนเดียวเช่นเคย ดันแมนติคอร์เหลือง อยู่ฝั่งตรงข้ามเลย ออกมาแล้วเดินไปทางซ้ายเลยจ้า

     3. [Berserk] ไม่ใช่ Berserker ที่เพื่อนๆ หลายคนเคยได้มาแล้วนะ ฉายานี้จะต้องเคลียร์ดัน Lv.23 Abyss Solo คนเดียวทุกดัน วิธีตรวจสอบให้ กด L > Dungeon > ไปที่แถบ Lv.23 Abyss Dungeon แล้วคลิกไล่ดูแต่ละดัน หาดูด้านขวามือว่ามี Achievement ของดันนั้นๆ ที่เขียนว่า "Clear Abyss Solo" แล้วหรือยัง
          ตรวจสอบดูด้วยจ้า ว่าจำนวนดันนั้น เหมือนในรูปด้านล่างนี้หรือป่าว ลองคลิกแล้วดูข้างๆ ว่ามี Achievement ข้างขวาขึ้นมาด้วยป่าว ถ้าไม่เหมือนแสดงว่ายังไม่ได้ทำ แล้วส่งเควส "Lv.23 Into The Abyss I" กับ Heraldry Scholar Bailey ในขั้นตอนการเตรียมตัว ที่กล่าวไว้ด้านบนจ้า


     4. [Champion] เคลียร์ดัน Lv.31 Abyss Solo คนเดียวทุกดัน วิธีตรวจสอบเหมือนข้อ 3 ด้านบนเลยจ้า อย่าลืมดูจำนวนดัน แล้วคลิกดูว่ามี Achievement ข้างขวาขึ้นมาด้วยนะจ๊ะ ถ้ายังไม่มี Lv.31 นี้จะต้องทำ แล้วส่งเควส "Lv.31 Birth of Abyss I" กับ Heraldry Scholar Stas ในขั้นตอนการเตรียมตัว ที่กล่าวไว้ด้านบนจ้า


     5. [Dances with Gobfrey] เคลียรดัน Church Ruins [Master] คนเดียวจ้า จากเมือง Celderock ประตูล่าง แล้วออกประตูซ้ายอีกที ดันอยู่ด้านขวาจ้า

     6. [Cow Stroller] ออกจากดันข้อ 5 แล้วมาต่อเลย Catacombs Hall [Master] คนเดียว ดันวัวอยู่ติดกันเลย

     7. [Web Trap] จากเมื่อกี้เราออกจากเมือง Celderock ประตูล่าง แล้วออกประตูด้านซ้าย คราวนี้เราไปประตูขวาแทน คุ้นเคยกันดี ดันแมงมุม Dark Tower Magic Institute [Master] คนเดียวโลด

     8. [Free Assault] ออกจากดันแมงมุม ไปดันติดๆ กันเลย Silent Monastery Main Hall [Master] ดันหนูน้ำแข็ง คนเดียวจ๊ะ

     9. [A Lone Wolf] เคลียร์ดัน Lv.39 Abyss Solo คนเดียวทุกดัน วิธีตรวจสอบเหมือนข้อ 3 ด้านบนเลยจ้า อย่าลืมดูจำนวนดัน แล้วคลิกดูว่ามี Achievement ข้างขวาขึ้นมาด้วยนะจ๊ะ ถ้ายังไม่มี Lv.39 นี้จะต้องทำ แล้วส่งเควส "Lv.39 Spread of Abyss I" กับ Heraldry Scholar Stas ในขั้นตอนการเตรียมตัว ที่กล่าวไว้ด้านบนจ้า


     จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก แอบเยอะอยู่นะเนี่ยสำหรับแพทนี้ เพื่อนๆ คนไหนยังมีข้อสงสัย คาใจ ถามมาได้ตลอดเช่นเคยจ้า และถ้าจะนำไปโพสต่อ อย่าลืมให้เครดิตเพจนี้ ด้วยนะจ๊ะ ก่อนจะส่งทีมตามไปดราม่า และจะไปเขียนแบบ Private แทน จุ๊บๆ ♥


ฉายาลับ

ซึ่งฉายานั้น นอกจากจะแสดงถึงความเก่งกาจของผู้เล่นแต่ละคนแล้ว เช่น ผ่านเควสยากๆบางเควส  จัดการบอสสุดโหดบางตัวได้ด้วยตัวคนเดียว หรือไม่ว่าจะเป็นการลงดันเจี้ยนแบบไม่ตายเลยสักคน เป็นต้น "ฉายา"ก็ยังเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเพิ่มค่า Status ให้สูงขึ้นได้อีกด้วย



เมื่อได้ฉายามาครอบครองแล้ว ถ้าเราอยากใช้ฉายาอันไหน ก็สามารถที่จะเลือกเอามาใช้ได้ทันที โดยการกด  P และที่ Status ของเรา จะมีปุ่ม Title กดเพื่อเลือกหรือดูฉายาที่เรามีอยู่


Ability Title :  ฉายาหลักที่เราใช้อยู่ ส่งผลโดยตรงต่อค่า status ของตัวละคร
Cover Title :  ฉายาที่สวมทับไว้โชว์เฉยๆ ไม่มีผลใดๆ ต่อค่า status (แต่อาจจะมีผลต่อจิตใจของผู้พบเห็น = ='')
Effect Description :  ผลของ effect ที่ตัวละครได้รับจากการเลือกใช้ฉายานั้นๆ

ในที่นี้ ฉายาที่เราจะทำก็คือ "Tenacious" นั่นเอง สำหรับฉายา "Tenacious" นี้  ต้องผ่านการทำเควสเพื่อให้ได้ฉายาอื่นๆ ให้ครบทั้งหมด 8 ฉายาก่อน จึงจะได้มาครอบครองซึ่งฉายา "Tenacious" นั่นเอง

สำหรับความสามารถของฉายา "Tenacious" นั้นก็ถือว่าเป็นฉายาที่ความสามารถน่าสนใจพอตัวเลยทีเดียว เพราะฉายานี้จะเพิ่ม Status ดังต่อไปนี้

+25 Str | +25 Agi | +23 Int | +20 Vit | +40 Phys Atk | + 40 Magic Atk | +5 Final Atk

สำหรับฉายาทั้ง 8 ที่ต้องรวบรวมมาให้ครบ เพื่อให้ได้มาซึ่งฉายา "Tenacious" ประกอบไปด้วย



1. Title "Gosikigya Defeated"


Able to complete at : Lv8
Location : นอกเมือง  Prairie Village ,From Goblin Pappy

Goblin Pappy จะให้เราไปตามหาลูกชายที่ชื่อ "Gosikigya" ที่  Ancient Temple-Site (lv8-9)

*Gosikigya เป็นหลานตัวที่ 3 (เควสที่ 3) หลังจากทำเควสที่ 1 หลานตัวแรกถูกมัดกับเสา และเควสที่ 2 หลานตัวที่สองหลบอยู่ในถัง


โดยฉายานี้ เราต้องรับเควสจาก Goblin  ทีหน้าดันเจี้ยนที่เมือง Prairie Village เราจะเจอลุง Goblin แก่ๆ โดยเขาจะวานให้เราไปช่วยลูกชายที่ไปลงดันเจี้ยนตัวเดียว

**เควสนี้จะมีปัญหาตรงที่ ต้องเป็นสายอาชีพ warrior หรือ archer ที่จะมีเควสนี้ ถ้าเล่นสาย cleric หรือ sorceress จะต้องไปหาปาตี้กับ warrior หรือ archer เพื่อเข้าไปทำเควส

เมื่อเราเข้ามาแล้ว เราจะเจอมอนสเตอร์รุมลูกชายของลุง Goblin อยู่ ให้เราจัดการฆ่า Gosikigya ทันที ก็จะได้รับฉายามาครอบครอง

***อย่าฆ่ามอนสเตอร์ตายหมดก่อน เพราะ Gosikigya จะกลายเป็นพวกเราทันที และเราจะทำต่อไม่ได้!!!

note : เราสามารถดองเควสนี้ โดยไม่ต้องไปส่งเควส เพื่อเอาไว้ให้คนอื่นๆ ทำต่อไปได้



2. Title "Killed by Hounds"


Able to complete at : Lv9
Location : Maroda Valley (lv9-10)

หลังจากเข้าไปในดันเจี้ยน เมื่อถึงทางแยก 3 ทางก่อนถึงห้องบอส เมื่อเราจัดการมอนสเตอร์ทางใดทางนึงเรียบร้อยแล้ว จะมีน้องหมาฝูงนึงวิ่งออกมาจากห้องบอส!!!  วิธีที่จะได้ฉายานี้ก็คือ...


ต้องทำการให้ฝูงน้องหมาเหล่านั้น "ฆ่าเราให้ตาย!!!!"   (โอ้ววว...โฮลี่ชิท ปรี๊ดแตก เจอหมาขี้ใส่!!!)
เมื่อเราตายก็จะได้รับฉายานี้ทันที   T__T



3. Title "Stoned to Death"


Able to complete at : Lv12
Location : ด้านบนของเมืองท่า คาดิแลค  , Sanctuary-Forest (lv12-14)

เมื่อเข้าไปดันเจี้ยนกากอยเลเวล 12 แล้ว ไปตามทางเรื่อยๆ จนถึงช่วงที่ 2 เมื่อเจอวาปแล้ว มอนสเตอร์จะทำการลอบโจมตีเราทันที!!! โดยจะมีทั้ง กอบบินตัวเขียว กอบบินตัวสีฟ้า และออค ให้เราฆ่าให้หมดยกเว้น "กอบบินสีฟ้า"


เมื่อเหลือแต่กอบบินสีฟ้า ก็ให้กอบบินสีฟ้าทำการฆ่าเราโดยการเขวี้ยงหินใส่กบาลของเรานั่นแล


*เป็นฉายาที่ต้องใช้ความอดทนค่อนข้างมาก เพราะความแม่นของกอบบินนั่น ปาใส่เราในระยะ 3 cm มันยังปาพลาดดด คิดดู๊!!!!! กากแท้ๆ แต่เอาเถอะ เพื่อฉายา เราต้องตายเพราะมัน!!!



4. Title "Afraid of Cattle"


Able to complete at : Lv14
Location : Sleeper's (Eruku) Temple (lv14-15). (ทางเหนือของเมืองคาดิแลค และไปวาปทางด้านซ้าย แมปเดี่ยวกับ แมนติคอร์เหลือง)


ด่านนี้ไม่มีอะไรยาก เพียงแค่เข้าไปในดันเจี้ยนและให้บอสจัดการสังหารเราจนตายนั่นเอง เราก็จะได้รับฉายามาทันที!!!



5. Title "Troll Balls"


Able to complete at : Lv14 (สามารถเข้าได้ตอนเลเวล 9 หากเข้ามาตอนเลเวล 9 จะง่ายกว่า)
Location : Maroda Mountain (lv14-15)

เมื่อเข้ามายังดันเจี้ยนแล้ว ในช่วงที่ 2 จะเจอทางแยกที่มีให้ไปทางซ้ายและขวา ให้เลือกไปทางซ้ายจะเจอกอบบินฝูงนึง (ใส่เสื้อสีเหลือง) และจะมีทางเดินเข้าไปอีก ให้เข้าไปด้านในจะเจอกล่องสมบัติกล่องนึง เมื่อเปิดก็จะเกิดมอนสเตอร์จำนวนนึงออกมา


ให้ตัวละครถูกฆ่าโดยตัวโทรลสีเขียว โดยการกลิ้งใส่เราจนกว่าจะตาย แล้วเราจะได้รับฉายานี้มา



6. Title "Tread on Rocks"


Able to complete at : Lv20
Location : No Return (lv22-24) (อยู่ในพื้นที่แมบเดียวกับ ฮาปี้)


เควสนี้ไม่มีอะไรยากนัก ให้บอสฆ่าจนตัวเราตายคาตรีนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน เป็นอันได้ฉายา



7. Title "In the Dead Hound"


Able to complete at : Lv22
Location : Sanctuary-Heart (lv22-24) อยู่ในพื้นที่แมบเดียวกับกากอยหิน เป็นบอสเงาดำ

เมื่อเข้าดันเจี้ยนมาแล้ว ไปตามทางเรื่อยๆ จนถึงห้องที่มีกับดักที่พื้น จะมีมอนสเตอร์เกิดมาจำนวนนึง แล้วจะมีหมาใส่เกราะเกิดมาด้วยจำนวนหนึ่ง


ให้เราจัดการมอนสเตอร์ตัวอื่นให้หมดจนเหลือแต่หมาใส่เกราะ แล้วให้หมาใส่เกราะเหล่านั้นกัดเราจนกว่าจะตายยยยยยยยยย 



8. Title "Defeated by the Orc King"


Able to complete at : Lv22
Location : ได้จากตัวเรียนสกิลของอาชีพ วอริเออร์ ในเมืองท่า Cadillac.Showdown with the Orc King in Sleeper's (Eruku) Temple-Altar (Lv22-24)

ฉายานี้จะเจ้าปัญหานิดหน่อยตรงที่ว่า ต้องรับเควสจาก มาสเตอร์วอริเออร์ ที่เมือง คาดิแลค แล้วไปยังดันเจี้ยนสุดท้าย แมนติคอร์ จนไปตามทางระดับนึง จะพบกับออคลอร์ด ซึ่ง กากมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ถึงมากที่สุด และเป็นมอนสเตอร์เควสที่ขี้กลัวตัวนึงเลยทีเดียว
การจะถูกเจ้าออคตัวนี้ฆ่าตายนั้นยากมากๆ แนะนำให้ทำ Hp ให้เหลือน้อยๆ ที่สุด จนกว่าจะพบมัน เราจะได้โดนตีตายโดยไว

*เควสนี้จะเป็นเควสต่อเนื่อง โดยเราต้องให้ ออคลอร์ดใน เควสแรกสุด ที่จะเกิดมาเพียงตัวเดียว ฆ่าตายนะจ้ะ!!