วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

ข้อมูลสกิล T-4 (Transformation 4)


   สวัสดีค่ะ ในวันที่ 5 กันยายนที่จะถึงนี้ ทาง Dragon Nest เซิร์ฟเวอร์ไทย ก็จะมีการเปลียนระบบสกิลแบบใหม่ โดยจะไปใช้รูปแบบสกิล T-4 Hybrid แบบเดียวกับ เซิร์ฟเวอร์ SEAซึ่งยังมีหลายๆ คนงงกันอยู่ว่าอะไรคือ T-4 เกิดมาเพิ่งเคยได้ยิน วันนี้บีจะพาไปรู้จักเจ้า T-4 รวมถึงแนวทางการอัพสกิลกันครับ
อะไรคือ T-4
     คิดว่าหลายๆ คนคงสงสัยว่ามันคืออะไร มันคือคำย่อมาจาก Transformation 4 ซึ่งได้เกิดขึ้นจากเหล่าผู้เล่นในเซิร์ฟเกาหลีในช่วงแพตช์เลเวล 50 ซึ่งได้ว่าเป็นช่วงของการปรับสกิลครั้งใหญ่ตั้งแต่เปิดเกมมา และได้มีการปรับให้สกิลอ่อนๆ ดีขึ้น ลดความแรงสกิลลง รวมทั้งปรับสมดุลย์สกิลเพิ่มขึ้น จนกระทั่ง จวบจนมาถึงปัจจุบัน ก็ได้มีการปรับสกิลเป็นครั้งที่ 3 ในผังสกิลแบบ T-4 และเรียกว่า T4-3 โดย T4-3 นั้นเป็นต้นแบบของระบบ T-4 Hybrid ที่ได้นำมาปรับปรุงใช้ในเซิร์ฟไทยและเซิร์ฟ SEA ก่อน และจะการขยายใช้ไปยังเซิร์ฟอื่นๆ ครับ
ปรับจำนวน Total SP น้อยลง
     โดยที่การเปลี่ยนแปลงสกิลเป็นแบบ T-4 นั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่จำนวนค่า SP สูงสุด จากรูปแบบเก่าในปัจจุบัน (ระบบ T-3) ซึ่งมีการใช้งานรูปแบบสกิลนี้มาตั้่งแต่ เปิด Open Beta ที่จะมีแต้มสกิลสูงสุดเมื่อเลเวล 40 เท่ากับ 400 แต้ม และแบ่งออกเป็นอัพแต้ม SP ได้สูงสุด คลาสละ 250 แต้ม ทั้ง คลาส 1 และ คลาส 2
     แต่รูปแบบใหม่ที่มาพร้อมกับ T-4 นั้น ได้มีการปรับค่า Total SP ทั้งหมด เหลือเพียงแค่ 117 แต้ม และแบ่งออกเป็นอัพแต้ม SP ได้สูงสุด คลาสละ 73 แต้ม ทั้ง คลาส 1 และ คลาส 2 แทนครับ
ไม่ต้องอัพสกิลทางผ่านกันอีกต่อไป
     นอกจากนี้แล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในการอัพสกิลใหม่แบบยกเครื่อง เนื่องจากในระบบสกิล T-3 บางสกิล โดยเฉพาะสกิลใน คลาส 2 นั้น จะมีเงื่อนไขที่ผู้เล่นจะต้องอัพเลเวลสกิลตามเงื่อนไข (สกิลทางผ่าน) ให้ครบเสียก่อน จึงจะลงสกิลใหม่เพิ่มเติมได้
     แต่สำหรับ T-4 แล้ว ระบบได้เปลี่ยนให้ผู้เล่นต้องใช้ SP ในอาชีพคลาส 1 ให้ถึง 40 แต้ม จึงจะอัพสกิลเลเวล 32 ในคลาส 2 ได้ และจะต้องใช้ SP ในอาชีพคลาส 1 ให้ถึง 45 แต้ม จึงจะสามารถอัพสกิลเลเวล 40 (Ultimate Skill) ได้ครับ
จำนวนแต้มที่ใช้อัพเลเวลของสกิลมีการเปลี่ยนแปลง
     จากระบบ T-3 สมัยก่อนที่ใช้แต้มมหาศาลในการอัพสกิลแต่ละเลเวล มาใน T-4 เองก็ได้ปรับระบบใหม่ให้แต่ละสกิลนั้นๆ ใช้แต้ม SP ในการอัพเลเวลสกิลน้อยลง โดยจะใช้ 3 แต้ม ในการอัพสกิลครั้งแรก จากเลเวล 0 ->1 และหลังจากเลเวล 1 ขึ้นไป จะใช้ครั้งละ 1 แต้มในการอัพเลเวลสกิล
ความแรงของสกิลเปลี่ยนไป 
     นอกจากนี้แล้ว ยังได้เพิ่มขีดความมันส์ขึ้นไปอีก โดยได้มีการปรับเปลี่ยนความแรงของสกิลบางสกิลให้แรงขึ้น รวมทั้งปรับสมดุลย์ความแรงของสกิล ระยะเวลาการใช้งานของสกิล ให้สั้นลง ใน PvP รวมทั้งได้ปรับแต่งสกิลแต่ละสายอาชีพ (รายละเอียดจะตามมาอีกในฟีเจอร์ถัดไปทั้งหมดค่ะ ว่าแต่ละสกิลปรับอะไรบ้าง มากน้อยแค่ไหนครับ)

อัพสกิลอัลติเมตได้ 2 สาย
     เนื่องจากในระบบ T-3 หากจะใช้ Dual Ultimate Skill หรือสกิลอัลติเมต 2 สายนั้น จะต้องหลังแพตช์เลเวล 50 และตัวละครจะต้องมีเลเวล 45 ขึ้นไป แต่สำหรับ T-4 นี้แล้ว เพื่อนๆ สามารถที่จะอัพ 2 สายได้ตั้งแต่เลเวล 40 แต่สกิลอัลติเมตนั้น จะยังคงแชร์ระยะเวลาคูลดาวน์ของสกิลร่วมกัน เช่นใช้สกิลอัลติ 1 ไปแล้ว ก็จะยังไม่สามารถใช้สกิลอัลติ 2 ต่อได้ทันที จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อคูลดาวน์ของสกิลอัลติ 1 หมด

มีการรีสกิลใหม่ทั้งหมด
     ทั้งนี้ T-4 เปลี่ยนหมดทั้งแต้มสกิลและตัวผังสกิลเอง ทางระบบจะทำการรีเซทสกิลให้หมดเพื่อที่จะได้อัพสกิลแบบใหม่ได้ครับ
แนวทางในการอัพสกิล คลาส 1 ของทุกอาชีพ
     เนื่องจากรอบนี้เหมือนเป็นไฟลท์บังคับที่เราต้องอัพสกิล คลาส 1 และใช้แต้มให้ถึง 45 แต้มให้ได้ ดังนั้น บีจึงได้รวบรวมแนวทางอัพสกิล ซึ่งเป็นสายกลางๆ จะ PvE / PvP ก็ได้ ซึ่งไม่จำเป็นว่าเพื่อนๆ จะต้องยึดอัพแนวๆ นี้ เพื่อนๆอาจจะนำบิลด์เหล่านี้ไปดัดแปลงเลือกใช้สกิลที่ต้องการกันค่ะ ดังนั้น หากใครนิยมแต่ PvE ก็สามารถตัดสกิลที่ใช้ PvP ออกได้ครับ
Sword Master
สายอาชีพคลาส 3 Gladiator :
     เน้นสกิล Rising Slash โดยในเลเวลแคป 40 สามารถอัพได้สูงสุดที่เลเวล 13 ส่วนสกิล ส่วนสกิล Impact Punch และ Heavy Slash นั้นอัพมาเพิ่มเพื่อให้แต้มชน 45 แต้ม และ สกิลที่เหลือก็คือสกิลพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องอัพอยู่แล้วครับ
สายอาชีพคลาส 3 Moonlord : 
     เน้นสกิล Impact Wave โดยอัพสุดที่เลเวล 14 เสียก่อน (MAX ในแคปเลเวล 40) สำหรับสาย Pure Magic ถ้าไม่เน้นสายนี้ก็อัพแค่เลเวล 6 เนื่องจากเลเวล 6 จะเพิ่มระยะของสกิลจาก 4 เมตร (เลเวล 5) เป็น 7 เมตร ส่วน Rising Slash นั้น แนะนำให้อัพที่เลเวล 6 และ สกิลที่เหลือก็คือสกิลพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องอัพอยู่แล้วครับ

Mercenary
สายอาชีพคลาส 3 Destroyer และ Barbarian :
     สำหรับ 2 สายอาชีพนี้ อัพสกิลอาชีพคลาส 1 เหมือนกันทั้ง 2 สาย โดยเน้น สกิล Rising Slash โดยในเลเวลแคป 40 สามารถอัพได้สูงสุดที่เลเวล 13 เช่นกัน ส่วนสกิล Impact Punch และ Heavy Slash นั้นอัพมาเพิ่มเพื่อให้แต้มชน 45 แต้ม และไว้ใช้งานใน PvP ได้ ส่วนสกิลเตะทั้งหลายที่เป็น Passive ให้อัพไว้ทุกสกิลแต่อัพเพียงแค่เลเวล 1 ก็เพียงพอ และ สกิลที่เหลือก็คือสกิลพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องอัพอยู่แล้ว

Elemental Lord
สายอาชีพคลาส 3 Saleana และ Elestra : 
     เป็นอีกหนึ่งสายอาชีพที่อัพสกิลอาชีพคลาส 1 เหมือนกันทั้ง 2 สาย เช่นกัน โดยจะเน้นอัพสกิล Glacial Spike จนถึงเลเวล 14 (MAX ในแคปเลเวล 40) เป็นสกิลที่สามารถทำให้ศัตรูมีโอกาสติดสถานะแช่แข็งได้ และยังมีคูลดาวน์ที่สั้นมาก เมื่อเทียบกับประโยชน์ที่สามารถช่วยถ่วงเวลาที่จะโดนดาเมจได้ นอกจากนี้แล้ว สกิล Poison Spray ตั้งแต่เลเวล 6 ขึ้นไปจะสามารถสร้างบ่อพิษได้ 3 บ่อ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการหลกหลีกและคอยตอดเลือด ทั้งกับมอนสเตอร์และ PvP รวมทั้งยังมีสกิล Shock Wave ที่สามารถทะลุ Super Armor ได้อีกด้วย และ สกิลที่เหลือก็คือสกิลพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องอัพ

Force User
สายอาชีพคลาส 3 Majesty :
     เป็นสายที่ต้องมีสกิล Glacial Spike อัพไว้จนถึงเลเวล 11 เพื่อที่จะไว้ใช้สร้างสถานการณ์ ทำให้ศัตรูมีโอกาสติดสถานะแช่แข็งได้ และยังมีคูลดาวน์ที่สั้นทำให้ใช้ได้เรื่อยๆ และ สกิล Poison Spray ซึ่งเป็นสกิลประจำสายนี้ ควรจะอัพขั้นต่ำที่เลเวล 8 และอาจจะเพิ่มเลเวลมากกว่านี้โดยไปลดแต้มออกจาก Glacial Spike แทน และอัพสกิล Void blast ซึ่งเป็นหนึ่งในสกิลที่ใช้งานได้ดีใน PvP และอาจจะลดแต้มออกจาก Glacial Spike เพื่อไปอัพสกิล Shock Wave ที่สามารถทะลุ Super Armor ไว้สักเลเวล 1 ครับ ส่วนสกิลที่เหลือก็คือสกิลพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องอัพตามระเบียบ

สายอาชีพคลาส 3 Smasher :
     ด้วยความที่สายอาชีพนี้จะเน้นสกิลที่ใช้ Magic Attack เท่านั้น ดังนั้น เพื่อนๆ ไม่ต้องไปสนใจสกิล Poison Spray ค่ะ และที่เหลือเอาแต้มไปลงสกิล Shock Wave ที่สามารถทะลุ Super Armor และ Void blast ซึ่งเป็นหนึ่งในสกิลที่ใช้งานได้ดีใน PvP ไว้สักเลเวล 5 เพื่อเป็นหนึ่งในสกิลทางเลือกเวลา PvP ส่วนสกิลที่เหลือก็คือสกิลพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องอัพครับ

Bow Master
สายอาชีพคลาส 3 Sniper :
     เป็นอีกสายที่ควรจะอัพ Twin Shot ไว้สูงๆ ในที่นี้ได้อัพจนชนเลเวล 14 (สูงสุดในแคป 40) เนื่องจากเป็นสกิลที่มีคูลดาวน์สั้น และ ระยะสกิลที่ไกลพอสมควร และสกิล Piercing Shot ไว้สักเลเวล 6 เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งสกิลที่ระยะไกลไม่มีผลต่อความแรงของสกิล ในทางกลับกันสกิล Multi Shot ที่เป็นสกิลสายกายภาพ นั้นไม่จำเป็นต่อธนูสายเวทย์แน่นอนและต่อให้อัพเลเวลสูงๆ ก็ไม่ค่อยแตกต่างเท่าไรครับ เพิ่มสกิล Owl’s Insight ไว้สักเลเวล 1 เพื่อเพิ่มค่าคริติคอลเมื่อใช้สกิลที่มีดาเมจสูงๆ และปิดท้ายด้วยสกิล Magic Arrow เลเวล 3 เพื่อไว้ใช้ป่วนในการ PvP ทำให้เป้าหมายที่โดนหยุดชั่วขณะหนึ่งครับ ส่วนสกิลที่เหลือก็คือสกิลพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องอัพจ้า

สายอาชีพคลาส 3 Artillery :
     ถึงแม้ว่าจะเป็นสายเวทย์โดยตรง แต่เราก็ยังคงอัพสกิล Twin Shot ไว้สูงๆ เช่นกัน เนื่องจากสกิลนี้คูลดาวน์ไว และมีระยะยิงที่ไกลกำลังดี ส่วนปัญหาที่เป็นสกิลสายกายภาพนั้นหายห่วงได้ด้วยสกิล Magical Breeze ที่จะเปลี่ยนสกิลกายภาพ กลายเป็นโจมตีทางเวทย์แทน นอกจากนี้แล้ว ก็เรียนสกิลเพิ่มเติมไว้สักหน่อย นั่นก็คือสกิล Multi Shot ไว้คอยช่วยในระยะประชิดตัว เนื่องจากสกิลสายนี้ เน้นง้างนานจริงๆ ครับ และนอกจากนี้แล้วสกิล Magic Arrow ก็ควรจะอัพไว้หน่อยสักเลเวล 3 เพื่อที่จะได้ใช้ป่วนใน PvP ได้ครับ ส่วนสกิลที่เหลือก็คือสกิลพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องอัพอีกเช่นเคย

Acrobat
สายอาชีพคลาส 3 Tempest :
     เป็นสายที่จะต้องอัพสกิล Multi Shot ไว้เป็นอีกสกิลหากินสกิลหนึ่ง ยามรอสกิลอื่นๆ หมดช่วงคูลดาวน์ ให้เพื่อนๆ อัพไว้จนชนเลเวล 13 เลยครับ (สูงสุดในแคป 40) และสกิล Piercing Shot ไว้สักเลเวล 6 เพื่อที่จะไว้คอยใช้สลับสกิลใช้งาน และพ่วงด้วยสกิล Magic Arrow อีกเช่นเคยก็ควรจะอัพไว้สักเลเวล 3 เพื่อที่จะได้ใช้ป่วนใน PvP ได้อีก ส่วนสกิลที่เหลือก็คือสกิลพื้นฐานที่จำเป็นจะต้องอัพอีกเช่นกัน

สายอาชีพคลาส 3 Windwalker :
     จะต่างกับ Tempest ที่มีระยะยิงอยู่ในระดับประชิด แต่สำหรับ Windwalker จะมีระยะที่ค่อนข้างไกลตัวระดับกลาง เลยจะใช้สกิล Twin Shot ที่มีคูลดาวน์ไว และระยะโจมตีค่อนข้างไกลพอสมควร และเป็น DPS ที่ดี ส่วนสกิลอื่นๆ ก็อัพลงแบบเดียวกับ Tempest ครับ

Paladin 
สายอาชีพคลาส 3 Guardian :
     สกิลที่ยกมานี่เป็นสกิลแบบ Full Tank โดยจะอัพสกิล Block ไว้ที่เลเวล 7 (สูงสุดของแคป 40) และ Healing Aura ไว้คอยฮีล (ทั้งตัวเองและเพื่อนๆ ) โดยจะอัพไว้ที่เลเวล 6 สูงสุดเช่นกัน นอกจากนี้แล้ว Divine Combo และ Sliding Knee Kick ไว้เลเวล 3 เพื่อใช้ในการ PvP รวมทั้งสกิล Paralyze Bolt ไว้เลเวล 3 เพื่อที่จะทำให้เป้าหมายติดสถานะ Paralyze ชั่วขณะ และสกิล Toughness เพื่อลดดาเมจ นอกเหนือจากนี้ ก็ลงสกิลพื้นฐานๆ ที่จำเป็นต้องอัพครับ

สายอาชีพคลาส 3 Crusader :
     สำหรับสายนี้ บียกสาย Sub-Tank มาครับ บู๊ก็ได้ แท๊งค์ก็ได้ระดับหนึ่ง ให้อัพสกิล Charged Bolt จนสุดเลเวล 13 (สูงสุดของแคป 40) เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งสกิลที่ใช้งานได้ดียามโดนมอนสเตอร์รุมเร้า และเป็นหนึ่งในสกิล DPS ของสายนี้ ส่วน Block อัพไว้ที่ขั้นต่ำเลเวล 4 และ Healing Aura ไว้คอยฮีล (ทั้งตัวเองและเพื่อนๆ ) เลเวล 6 ซึ่งฮีลได้ถึง 10% หากต้องการเป็น Main Tank ก็แบ่งแต้มไว้ลง Toughness ด้วยครับ ส่วนสกิลที่เหลือก็ สกิลพื้นฐานๆ ที่จำเป็นต้องอัพตามระเบียบ

Priest 
สายอาชีพคลาส 3 Saint :
     ต่อให้เป็นสายบัพเราก็ยังคงอัพสกิล Blockกันต่อไป เนื่องจากสามารถลดทอนการโจมตีได้ถึง 5 ครั้ง และต้องลงสกิล Toughness เพื่อที่จะได้ลดดาเมจที่จะได้รับ และจะได้ไม่ตายก่อนช่วยเหลือชาวบ้านค่ะ -0-' ส่วนสกิล Healing Aura เราก็อัพให้สุดที่เลเวล 6 เช่นกัน และยังอัพสกิล Paralyze Bolt และ Charged Bolt ไว้เลเวล 3 เพื่อที่จะใช้ช่วยในยามจำเป็น และ สกิลที่เหลือก็ สกิลพื้นฐานๆ ที่จำเป็นต้องอัพอีกเช่นเคย

สายอาชีพคลาส 3 Inquisitor :
     สายอาชีพสุดท้ายแล้ว สำหรับสายนี้เราจะไม่อัพบล๊อกกันครับ เนื่องจากจะเอาแต้มไปลงสกิลที่ทำดาเมจแทน โดนจะเน้นไปที่สกิล Charged Bolt โดยอัพให้ถึงเลเวล 11 และสกิล Paralyze Bolt ไว้ที่เลเวล 3 และ สกิล Healing Aura เราก็อัพให้สุดที่เลเวล 6 เช่นเคย ต่อด้วยลงสกิล Sliding Knee Kick ไว้เลเวล 3 ใช้ใน PvP เพิ่มเติม นอกจากนี้จะต้องอัพสกิลพื้นฐานที่เหลือตามเดิมครับ

      จะสังเกตได้ว่า สกิลที่ต้องใช้งานแบบประจำนั้นจะมีการลงแต้มตั้งแต่ 5 ขึ้นไป จนถึงเลเวล MAX ของสกิล ซึ่งสกิลใน T-4 นี้จะต้องมีเลเวล 5 ขึ้นไปจึงจะแรง และยิ่งเลเวลสูงจะแรงมากๆ ครับ
     ปิดท้ายด้วย Skill Simulator สำหรับคำนวณสกิล คลาส 2 ซึ่งความแรงของสกิลใน Simulator นี้จะยังไม่ใช่อัพเดตตัวใหม่ครับ (เป็น T4-2) แต่ของบ้านเราจะใช้ T4-3 ซึ่งเป็นสกิลแบบใหม่ล่าสุดเหมือนเซิร์ฟเกาหลีครับ
http://dn.duowan.com/t4/
โดยเมื่อกดลิงค์ไปแล้ว "ห้ามให้ Google Chrome แปลภาษาเด็ดขาด ไม่งั้นลงพอยท์ไม่ได้"
ช่องที่ 1 (Warrior):
1. Sword Master - Gladiator
2. Sword Master - Moonlord
3. Mercenary - Barbarian
4. Mercenary - Destroyer
ช่องที่ 2 (Sorceress):
1. Elemental Lord - Saleana
2. Elemental Lord - Elestra
3. Force User - Smasher
4. Force User - Majesty
ช่องที่ 3 (Archer):
1. Bow Master - Sniper
2. Bow Master - Artillery
3. Acrobat - Tempest
4. Acrobat - Windwalker
ช่องที่ 4 (Cleric):
1. Paladin - Guardian
2. Paladin - Crusader
3. Priest - Saint
4. Priest - Inquisitor
ส่วนช่องที่ 5 / 6 เป็นของ Academic และ กาลีที่ยังไม่เข้าไทยครับ